ปัญหาที่พบเจอในการทำจำนองและขายฝาก

การทำจำนองและขายฝากเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ได้รับความนิยมในการจัดการทรัพย์สินและการระดมทุน แต่ทั้งสองประเภทนิติกรรมนี้มักมีปัญหาและข้อพิพาทที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งจากความซับซ้อนของกฎหมาย ความเข้าใจผิดของผู้เกี่ยวข้อง หรือการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส บทความนี้จะสรุปปัญหาหลักที่พบเจอในการทำจำนองและขายฝาก พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อป้องกันข้อพิพาทในอนาคต ปัญหาในการทำจำนอง จำนองคือการนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันเงินกู้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินแก่เจ้าหนี้ แม้จะดูเป็นกระบวนการที่ปลอดภัย แต่ก็มักมีปัญหาที่พบได้ดังนี้: 1. ความไม่ชัดเจนในเงื่อนไขสัญญา เจ้าหนี้หรือผู้จำนองบางรายอาจไม่เข้าใจเงื่อนไขในสัญญาจำนอง เช่น อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาชำระหนี้ หรือเงื่อนไขในการบังคับจำนอง การกำหนดเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม เช่น ดอกเบี้ยที่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด แนวทางแก้ไข: ศึกษาสัญญาอย่างละเอียดก่อนลงนาม ขอคำปรึกษาจากนักกฎหมายหรือนักการเงินที่มีความเชี่ยวชาญ 2. การบังคับจำนอง เมื่อผู้จำนองไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เจ้าหนี้อาจยื่นฟ้องเพื่อบังคับขายทรัพย์สิน ซึ่งกระบวนการนี้มักกินเวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ในบางกรณี เจ้าหนี้อาจใช้ช่องทางที่ไม่เป็นธรรม เช่น การกดราคาทรัพย์สินในกระบวนการขายทอดตลาด แนวทางแก้ไข: วางแผนการชำระหนี้อย่างรอบคอบและตรวจสอบเงื่อนไขการบังคับจำนองในสัญญา เจรจากับเจ้าหนี้ก่อนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย 3. การลักลอบทำสัญญาจำนองปลอม มีกรณีที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ทราบว่าทรัพย์สินของตนถูกนำไปจดจำนองโดยมิชอบ เช่น ถูกปลอมลายเซ็น แนวทางแก้ไข: ตรวจสอบสถานะทรัพย์สินที่สำนักงานที่ดินเป็นระยะ เก็บเอกสารสำคัญ เช่น โฉนดที่ดิน ไว้ในที่ปลอดภัย ปัญหาในการทำขายฝาก ขายฝากเป็นนิติกรรมที่ซับซ้อนกว่าการขายทั่วไป เนื่องจากผู้ขายมีสิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินคืนในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการไถ่ถอนตามเวลา ทรัพย์สินจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับซื้อฝากโดยอัตโนมัติ ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่: 1....

Read More

การขายฝากที่ดินในกรณีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์บางส่วน

การขายฝากที่ดินในกรณีที่ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดหรือมีการขายฝากร่วมกับบุคคลอื่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความเข้าใจในกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เนื่องจากมีความซับซ้อนทั้งในแง่ของกฎหมายและการจัดการทรัพย์สินร่วม ในบทความนี้ เราจะอธิบายลักษณะ กระบวนการ และข้อควรระวังในกรณีดังกล่าว กรณีศึกษาการขายฝากร่วม 1. การขายฝากที่ดินในกรณีโอนกรรมสิทธิ์บางส่วน 1.1 ความหมาย การขายฝากในกรณีโอนกรรมสิทธิ์บางส่วนเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของที่ดินไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ของที่ดินทั้งผืนให้ผู้รับซื้อฝากได้ เช่น ที่ดินเป็นทรัพย์สินร่วม (Co-ownership) ของหลายบุคคล เจ้าของที่ดินมีข้อจำกัดในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด เช่น บางส่วนของที่ดินถูกใช้เป็นหลักประกันอื่น หรือมีข้อพิพาท 1.2 ขั้นตอนการขายฝากบางส่วน ตรวจสอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน:เจ้าของต้องยืนยันว่ามีสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ต้องการขายฝาก และไม่มีข้อผูกพันที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น ภาระผูกพันจำนองหรือคดีความ การกำหนดขอบเขตทรัพย์ที่ขายฝาก:ผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝากต้องระบุชัดเจนว่าพื้นที่ใดของที่ดินที่เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องในการขายฝาก เช่น การแบ่งแปลงหรือระบุโฉนดที่แยกออกมา การทำข้อตกลงการขายฝาก: สัญญาขายฝากต้องระบุชัดเจนว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์เพียงบางส่วน จดทะเบียนการขายฝากเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานที่ดิน ไถ่ถอนที่ดินบางส่วน:หากเจ้าของต้องการไถ่ถอน จะไถ่ถอนได้เฉพาะที่ดินส่วนที่ทำการขายฝาก 2. การขายฝากในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดได้ 2.1 สาเหตุที่ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดได้ ภาระผูกพันกับบุคคลที่สาม:เช่น ที่ดินบางส่วนจำนองอยู่กับธนาคาร ทรัพย์สินติดข้อพิพาท:เช่น คดีความเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือสิทธิ์ร่วม ข้อจำกัดทางกฎหมาย:เช่น ที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่หวงห้ามตามกฎหมาย 2.2 แนวทางการจัดการ การแบ่งแยกที่ดิน:เจ้าของสามารถดำเนินการขอแบ่งแปลงที่ดินกับสำนักงานที่ดิน เพื่อแยกส่วนที่ไม่มีข้อผูกพันออกมาและทำการขายฝากเฉพาะส่วนนั้น การใช้สิทธิ์ร่วม:หากที่ดินเป็นทรัพย์สินร่วมกับบุคคลอื่น (Co-ownership) เจ้าของต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมก่อนการทำธุรกรรม การปรับเงื่อนไขการขายฝาก:เจ้าของสามารถเจรจากับผู้รับซื้อฝากเพื่อทำสัญญาที่เหมาะสม เช่น...

Read More

เอกสารขายฝากและความสำคัญของแต่ละประเภท

การขายฝากเป็นธุรกรรมทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินไปยังผู้รับซื้อฝาก โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ขายฝากสามารถไถ่ถอนกรรมสิทธิ์คืนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากการขายฝากเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เช่น ที่ดิน บ้าน หรืออาคาร การจัดเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินธุรกรรมนี้ บทความนี้จะอธิบายถึงเอกสารที่จำเป็นสำหรับการขายฝาก พร้อมรายละเอียดของแต่ละประเภท รายการเอกสารขายฝากที่สำคัญของแต่ละประเภท 1. โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ในทรัพย์สิน ความสำคัญ:โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้ขายฝาก หากไม่มีเอกสารนี้ การขายฝากจะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตัวอย่างเอกสารที่ใช้ได้: โฉนดที่ดิน (น.ส. 4 จ.) หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก. หรือ น.ส. 3) ส.ค.1 (สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในที่ดินเฉพาะบางพื้นที่) ข้อควรตรวจสอบ: ชื่อในโฉนดต้องตรงกับชื่อของผู้ขายฝาก โฉนดต้องไม่มีภาระผูกพันอื่น เช่น การจำนองที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน 2. บัตรประจำตัวประชาชน ความสำคัญ:บัตรประชาชนเป็นเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝาก ข้อกำหนด: บัตรประชาชนต้องยังไม่หมดอายุ หากผู้ขายฝากหรือผู้รับซื้อฝากเป็นนิติบุคคล ต้องใช้หนังสือรับรองนิติบุคคลแทน 3. ทะเบียนบ้าน ความสำคัญ:ทะเบียนบ้านช่วยยืนยันที่อยู่ของผู้ขายฝากและเป็นเอกสารประกอบที่สำนักงานที่ดินมักกำหนดให้แสดง 4. สัญญาขายฝาก ความสำคัญ:สัญญาขายฝากเป็นเอกสารที่กำหนดเงื่อนไขการขายฝากระหว่างผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝาก ซึ่งต้องมีการลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน รายละเอียดที่ควรมีในสัญญาขายฝาก: ชื่อและรายละเอียดของผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝาก รายละเอียดของทรัพย์สิน เช่น ที่ตั้งและเลขโฉนด ราคาขายฝาก...

Read More

การจำนองที่ดินของคู่สมรสหรือทรัพย์สินร่วม

การจำนองที่ดินของคู่สมรสหรือทรัพย์สินร่วมที่เกิดขึ้นในระหว่างการสมรสมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากการจำนองทรัพย์สินของบุคคลเดียว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสิทธิและหน้าที่ของทั้งคู่สมรสตามกฎหมายว่าด้วยครอบครัวและทรัพย์สิน บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการ ข้อกำหนดทางกฎหมาย และสิ่งที่ควรพิจารณาในการจำนอง ที่ดินที่เป็นของคู่สมรสหรือทรัพย์สินร่วม ข้อกำหนดทางกฎหมายและกระบวนการที่ควรรู้ 1. ความหมายของทรัพย์สินคู่สมรสและสินสมรส 1.1 สินสมรส สินสมรสหมายถึงทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างการสมรส ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มา หรือทั้งสองฝ่ายร่วมกันหามา เช่น เงินเดือน รายได้ หรือทรัพย์สินที่ได้จากการทำงานในระหว่างสมรส ทรัพย์สินที่ได้มาจากการประกอบกิจการร่วมกัน ดอกผลหรือรายได้จากสินส่วนตัวของคู่สมรส 1.2 สินส่วนตัว สินส่วนตัวหมายถึงทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส หรือทรัพย์สินที่ได้รับระหว่างสมรสโดยการให้เป็นของขวัญ มรดก หรือจากพินัยกรรมโดยระบุเฉพาะว่าให้เป็นสินส่วนตัว 2. การจำนองทรัพย์สินที่เป็นของคู่สมรสหรือสินสมรส การจำนอง ที่ดิน หรือทรัพย์สินที่เป็นของคู่สมรสหรือเป็นสินสมรส มีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ชัดเจนเพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างคู่สมรสและคุ้มครองสิทธิของทั้งสองฝ่าย 2.1 ข้อกำหนดทางกฎหมายเกี่ยวกับสินสมรส ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 ระบุว่าการจัดการสินสมรสบางประเภทจะต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง การจำนอง ที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสเข้าข่ายในกรณีดังกล่าว จึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้: การจำนอง ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสินสมรส ต้องได้รับ ความยินยอมจากคู่สมรส อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร การขาดความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายจะทำให้สัญญาจำนองเป็นโมฆียะ (สามารถถูกบอกล้างได้ในภายหลัง) 2.2 การจำนองทรัพย์สินส่วนตัวที่เกิดก่อนการสมรส หากที่ดินเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ได้มาก่อนการสมรส หรือได้รับมาจากมรดกในระหว่างสมรส...

Read More

6 วิธีการประเมินราคาที่ดินเพื่อจำนอง

การประเมินราคาที่ดินเพื่อจำนองเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยกำหนดมูลค่าที่ดินสำหรับใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือเจ้าหนี้ โดยมูลค่าที่ได้จากการประเมินจะส่งผลต่อวงเงินกู้ที่ผู้ขอจำนองสามารถได้รับ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการและปัจจัยที่ใช้ในการประเมินราคาที่ดินเพื่อจำนอง วิธีการประเมินราคาที่ดินเพื่อจำนอง 1. ความสำคัญของการประเมินราคาที่ดินเพื่อจำนอง การประเมินราคาที่ดินมีจุดประสงค์หลักเพื่อ: กำหนดมูลค่าที่แท้จริงของที่ดินในตลาด คำนวณวงเงินกู้ที่ธนาคารหรือเจ้าหนี้สามารถอนุมัติได้ (ปกติอยู่ที่ 70-90% ของราคาประเมิน) ป้องกันความเสี่ยงสำหรับเจ้าหนี้ ในกรณีที่ผู้จำนองไม่สามารถชำระหนี้ได้ 2. กระบวนการประเมินราคาที่ดิน การประเมินราคาที่ดินเพื่อจำนองมักดำเนินการโดยผู้ประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาต กระบวนการประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้: 2.1 การเก็บข้อมูลเบื้องต้น ข้อมูลทรัพย์สิน: ที่ตั้งของที่ดิน (แปลงที่ดิน) ขนาดพื้นที่ (ไร่, งาน, ตารางวา) เอกสารสิทธิ์ เช่น โฉนดที่ดิน หรือ น.ส.3 ก. ข้อมูลทางกายภาพ: ลักษณะที่ดิน เช่น รูปร่าง ขนาด และสภาพที่ดิน (เป็นที่ดินเปล่า หรือพัฒนาแล้ว) สาธารณูปโภค เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา การใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน เช่น เป็นพื้นที่เกษตรกรรม หรือพื้นที่อยู่อาศัย 2.2 การสำรวจที่ดินและสภาพแวดล้อม ผู้ประเมินจะลงพื้นที่สำรวจเพื่อ: ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ดิน วิเคราะห์สภาพแวดล้อม...

Read More

ค่า โอน บ้าน 2567 เจาะลึกราคาประเมิน เทคนิคลดค่าใช้จ่าย

การซื้อขายบ้านในประเทศไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหลายด้าน โดยหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สำคัญคือ ค่าโอนบ้าน ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ บทความนี้จะเจาะลึกถึงโครงสร้างของค่าโอนบ้านในปี 2567 โดยพิจารณาจากราคาประเมินและวิธีการวางแผนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโอนบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ค่า โอน บ้าน 2567 1. ค่าโอนบ้านคืออะไร และคำนวณจากอะไร? ค่าโอนบ้านเป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือบ้านจากเจ้าของเดิมไปยังเจ้าของใหม่ โดยสำนักงานที่ดินจะคิดค่าธรรมเนียมการโอนในอัตรา 2% ของราคาประเมิน ซึ่งหมายถึงการคำนวณจากราคาประเมินของที่ดินหรือบ้านที่กรมธนารักษ์กำหนดไว้ โดยอาจแตกต่างจากราคาซื้อขายจริงในตลาด ราคาประเมินนี้มักจะต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง ทำให้ค่าโอนต่ำกว่าเล็กน้อย การคำนวณค่าโอนบ้าน: ตัวอย่าง หากราคาประเมินบ้านอยู่ที่ 3,000,000 บาท ค่าธรรมเนียมการโอนจะคิดที่อัตรา 2% ของราคาประเมิน: 3,000,000×0.02=60,000 บาท3,000,000 times 0.02 = 60,000 2. ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนบ้าน นอกจากค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ผู้ซื้อและผู้ขายยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่: ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ: ในกรณีที่ผู้ขายถือครองบ้านน้อยกว่า 5 ปี หรือไม่ได้อยู่ในทะเบียนบ้านอย่างน้อย 1 ปี อาจต้องชำระค่าภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3.3% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่ว่าราคาใดสูงกว่า...

Read More

รู้ทันกลโกง ขายฝากจำนอง

การจำนองและขายฝากเป็นวิธีที่หลายคนเลือกใช้ในการหาเงินทุนอย่างเร่งด่วน ซึ่งการทำจำนองและขายฝากโดยทั่วไปสามารถดำเนินการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมได้ หากแต่ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจใช้กลโกงเพื่อหลอกลวงและเอาเปรียบผู้ที่อาจไม่เข้าใจรายละเอียดหรือเงื่อนไขในสัญญา ดังนั้น การรู้เท่าทันกลโกงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกรรมจำนองขายฝากจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันทรัพย์สินไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือสูญหายอย่างไม่คาดคิด กลโกง ขายฝากจำนอง 1. กลโกงเงื่อนไขในสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หนึ่งในวิธีการที่พบมากที่สุดในการโกงจำนองและขายฝากคือการแฝงเงื่อนไขในสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เช่น: เงื่อนไขการไถ่ถอนที่ซับซ้อนหรือกำหนดเวลาเร่งรัด: ผู้ปล่อยกู้บางรายอาจกำหนดเงื่อนไขการไถ่ถอนทรัพย์สินที่ยุ่งยาก หรือกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่สั้นเกินไป ทำให้ผู้ขายฝากมีโอกาสน้อยในการจัดการเงินเพื่อนำมาไถ่คืน และเมื่อถึงกำหนดแล้วไม่สามารถไถ่คืนได้ทัน ทำให้ทรัพย์สินตกเป็นของผู้รับขายฝากทันที ดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมแฝง: บางครั้งอาจมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินจริงหรือแฝงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าในสัญญา ซึ่งทำให้ยอดเงินที่ต้องจ่ายสูงกว่าที่คาดคิดไว้มาก วิธีป้องกัน: อ่านสัญญาให้ละเอียดและเข้าใจทุกเงื่อนไขก่อนลงนาม ควรสอบถามให้ชัดเจนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และพิจารณาให้แน่ใจว่ากำหนดเวลาการไถ่ถอนสอดคล้องกับความสามารถทางการเงินของคุณ 2. กลโกงการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ต่ำเกินจริง ในการขายฝากหรือจำนอง ทรัพย์สินของคุณควรได้รับการประเมินราคาตามมูลค่าที่แท้จริง แต่บางครั้งอาจพบกลโกงที่ผู้รับจำนองหรือรับขายฝากตั้งใจให้การประเมินราคาทรัพย์สินต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อให้คุณได้รับเงินกู้ในจำนวนที่น้อยลง ทำให้ในกรณีที่เกิดการขายทอดตลาด ผู้ปล่อยกู้สามารถขายทรัพย์สินในราคาสูงกว่าที่ประเมินไว้และได้รับผลประโยชน์ส่วนต่างโดยที่คุณไม่ได้รับส่วนแบ่งตามจริง วิธีป้องกัน: ควรขอให้มีการประเมินราคาทรัพย์สินจากผู้ประเมินอิสระที่มีใบอนุญาต หรือขอประเมินราคาในหลายสถานที่เพื่อเปรียบเทียบ นอกจากนี้ยังสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์หรือทนายความเพื่อความมั่นใจ 3. การหลอกลวงให้เซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ อีกกลโกงที่พบได้คือการแอบแฝงเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ภายใต้เงื่อนไขอื่น ทำให้ผู้กู้หรือผู้ขายฝากไม่ทันสังเกตว่าตนได้เซ็นเอกสารเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินไปเรียบร้อยแล้ว หากผู้กู้ไม่สามารถจ่ายเงินตามกำหนดหรือไถ่ถอนคืนได้ กรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้ปล่อยกู้ทันที โดยที่คุณไม่สามารถอ้างสิทธิ์คืนได้ วิธีป้องกัน: ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียด หลีกเลี่ยงการเซ็นเอกสารใด ๆ ที่คุณไม่เข้าใจและควรขอคำปรึกษาจากทนายหรือนักกฎหมายก่อนเสมอ 4. การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมแอบแฝง กลโกงนี้คือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลังจากที่ตกลงเรื่องเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว เช่น...

Read More

โฉนดที่ดินหลังแดง ความลับที่ทำให้คุณเสียทรัพย์

การซื้อขายหรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงแต่จะพิจารณาถึงทำเลและมูลค่าทรัพย์สินเท่านั้น แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียดของเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โฉนดหลังแดง” ที่หลายคนอาจมองข้าม โฉนดประเภทนี้มีความหมายพิเศษและอาจส่งผลเสียหายใหญ่หลวงได้หากไม่เข้าใจถึงข้อจำกัดและผลกระทบที่เกี่ยวข้อง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจโฉนดหลังแดงให้มากขึ้น พร้อมคำแนะนำเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โฉนดที่ดินหลังแดงคืออะไร? “โฉนดหลังแดง” หมายถึงโฉนดที่ดินประเภทหนึ่งที่ถูกระบุด้วยสีแดงบริเวณด้านหลังของเอกสาร เพื่อแสดงให้เห็นว่าที่ดินนั้นมีข้อจำกัดในการซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ มักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ดินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหรือพื้นที่ที่มีนโยบายจากทางภาครัฐ เช่น โครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) หรือพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ​ การถือครองโฉนดหลังแดงหมายความว่าเจ้าของที่ดินนั้นมีสิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขาย โอนกรรมสิทธิ์ หรือใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อธนาคาร ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกนำไปใช้เพื่อการพาณิชย์หรือการเก็งกำไรที่ผิดวัตถุประสงค์ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากโฉนดหลังแดง ไม่สามารถขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ผู้ถือครองโฉนดหลังแดงจะไม่สามารถทำการซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างอิสระ เช่น กรณีที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) จะกำหนดให้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรเท่านั้น หากมีการซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์นอกเหนือจากนี้ จะถือว่าผิดกฎหมายและอาจถูกเรียกคืนทรัพย์สิน ไม่สามารถใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อเนื่องจากโฉนดหลังแดงถูกกำหนดไว้สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน จึงไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมจากธนาคารได้ หากผู้ถือครองต้องการเงินทุนในการพัฒนาที่ดินหรือเกษตรกรรม อาจจะต้องหาแหล่งเงินทุนจากภาครัฐที่สนับสนุนด้านเกษตรแทน ข้อจำกัดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้ที่หวังจะพัฒนาที่ดินเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ อาจต้องระวังว่าโฉนดหลังแดงมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ห้ามเปลี่ยนการใช้ที่ดิน หรือห้ามก่อสร้างอาคารบางประเภท ทำให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามความต้องการของผู้ถือครองอาจเป็นไปได้ยาก การลงทุนที่อาจสูญเสียมูลค่านักลงทุนที่ซื้อโฉนดหลังแดงโดยไม่รู้ข้อจำกัดอาจพบว่าทรัพย์สินที่ได้มาไม่สามารถใช้งานได้ตามที่คาดหวัง และหากไม่สามารถพัฒนาหรือทำการขายได้ตามแผน ก็อาจทำให้การลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงในการสูญเสียมูลค่า วิธีป้องกันการเสียทรัพย์จากโฉนดหลังแดง ตรวจสอบประเภทและสถานะของโฉนดอย่างละเอียดก่อนการซื้อขาย ควรตรวจสอบโฉนดอย่างละเอียดว่าเป็นโฉนดประเภทใด เช่น ตรวจสอบกับกรมที่ดินเพื่อยืนยันสถานะของโฉนดว่ามีข้อจำกัดใด ๆ หรือไม่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อทรัพย์สินที่อาจใช้ประโยชน์ได้อย่างจำกัด ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์หากคุณไม่แน่ใจในเอกสารที่เกี่ยวข้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรืออสังหาริมทรัพย์...

Read More

ข้อควรระวัง ขายฝากคอนโดติดภาระ

การขายฝากคอนโดที่มีภาระติดอยู่ (เช่น การจำนองหรือภาระหนี้สินอื่นๆ) เป็นกรณีที่สามารถทำได้ แต่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและคำนึงถึงรายละเอียดทางกฎหมาย รวมถึงการเจรจากับผู้ที่มีสิทธิในทรัพย์สินหรือภาระนั้นเพื่อให้ธุรกรรมเป็นไปอย่างถูกต้อง ขายฝากคอนโดติดภาระคืออะไร? คอนโดที่มีภาระติดพัน อาจเป็นคอนโดที่ยังผ่อนชำระกับธนาคาร หรือมีการจำนองทรัพย์สินไว้อยู่กับผู้ให้กู้รายอื่น เมื่อทำขายฝากคอนโดที่ติดภาระ เจ้าของคอนโดต้องคำนึงถึงเงื่อนไขของภาระดังกล่าว และดำเนินการให้ภาระนั้นได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมก่อนที่จะทำการขายฝาก เหตุผลที่ต้องขายฝาก คอนโดติดภาระ ต้องการเงินด่วน: สำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนฉุกเฉิน หรือต้องการเงินมาลงทุนในธุรกิจ ไม่สามารถชำระหนี้ได้: หากมีภาระหนี้สินจำนวนมาก และไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด การขายฝากอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง ต้องการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน: ผู้ที่มีคอนโดหลายห้อง อาจนำห้องที่ไม่ได้อยู่อาศัยมาขายฝากเพื่อสร้างรายได้ ขั้นตอนและแนวทางการทำขายฝากคอนโดติดภาระ ตรวจสอบภาระที่มีอยู่: ก่อนทำขายฝาก เจ้าของคอนโดต้องตรวจสอบภาระติดพัน เช่น การจำนองกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อประเมินสถานะหนี้สินและมูลค่าคงเหลือของภาระนั้น เจรจากับผู้ถือสิทธิภาระ: เจ้าของคอนโดต้องเจรจากับธนาคารหรือผู้ให้กู้รายอื่น เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการชำระหนี้หรือการปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะทำขายฝาก การใช้เงินจากการขายฝากเพื่อล้างภาระ: หากผู้ขายฝากได้รับเงินจากการทำขายฝาก สามารถนำเงินบางส่วนหรือทั้งหมดไปชำระหนี้ที่มีอยู่ เพื่อล้างภาระจำนองก่อนทำการโอนกรรมสิทธิ์ในคอนโดให้ผู้ซื้อฝาก ทำสัญญาขายฝาก: หลังจากภาระจำนองหรือภาระอื่นๆ ได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถทำสัญญาขายฝากตามกฎหมายได้ โดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ไปยังผู้ซื้อฝาก พร้อมระบุระยะเวลาในการไถ่ถอนทรัพย์สินตามข้อตกลง ข้อควรระวังเมื่อทำขายฝาก คอนโดติดภาระ ต้องชำระหนี้ให้ครบก่อนโอนกรรมสิทธิ์: หากคอนโดติดภาระจำนอง ผู้ขายต้องฝากชำระหนี้ให้ครบถ้วน หรือเจรจากับผู้ให้กู้เพื่อปลดภาระจำนองก่อนทำการขายฝาก สัญญาต้องโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย: เนื่องจากธุรกรรมขายฝากมีข้อกฎหมายที่ซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อมีภาระติดอยู่ ควรปรึกษาทนายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย...

Read More